หลังจากที่แมนเชสเตอร์ซิตี้พึ่งคว้าชัยในศึกดาบี้แมตช์จากเพื่อนบ้านอย่างยูไนเต็ดมาได้ ทำให้พวกเขาได้ 3 แต้มขึ้นนำจ่าฝูงเก่าอย่างลิเวอร์ไปเพียงแค่ 1 แต้มแต่มีจำนวนครั้งการแข่งขันที่เท่ากันอยู่ แสดงว่าการแข่งขันอีก 3 นัดที่เหลือถ้าหากแมนซิดันไปพลาดสักเกมหนึ่งก็จะทำให้หงส์แดงมีลุ้นแซงกลับมาได้อีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะทีที่เรือใบสีฟ้าต้องเจอในสามนัดสุดท้าย ก็มีแววว่าพวกเขาจะสามารถผ่านมันไปถึงแม้ว่าอาจจะมีบางเกมที่ยากเย็นไปสักนิดก็ตาม หลายสื่อกำลังเล่นข่าวถึงการแพ้ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดว่าเป็นการเปิดทางให้กับเพื่อนบ้าน ดีกว่าให้คู่อริตลอดกาลอย่างลิเวอร์พูลเสียดีกว่า บางรายการออกมาวิเคราะห์ถึงมูลค่านักเตะภายในทีมทั้งสองทีม ที่แทบจะไม่ได้แตกต่างอะไรกันเลย แต่ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างชัดเจน ฝั่งซิตี้ใช้งบไป 447 ล้าน ฝั่งยูไนเต็ดใช้ไป 424 ล้าน เห็นชัดเลยว่าห่างกันเพียงหลักสิบล้านเท่านั้น แต่ผลงานไม่ได้ใกล้เคียงกันเลยแม้แต่น้อยในเกมการแข่งขันนี้ ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดควรทำอย่างไรในฤดูกาลหน้า
ลองมาดูสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมดาบี้แมตช์เมื่อคืนที่ผ่านมากันดีกว่า
ว่าส่งผลอะไรกับทั้งการเล่นและอนาคตพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ของแมนเชสเตอร์ซิตี้บ้าง
Manchester United VS Manchester City (0-2)
นัดนี้ถือว่าเป็นการพ่ายแพ้ของปีศาจแดง 3 นัดรวดแล้ว อีกทั้งความล้มเหลวในแต่ละนัดจาก 3 นัดที่ผ่านมา ไม่มีการทำประตูตีไข่แตกได้เลยแม้แต่ประตูเดียว หนำซ้ำยังแพ้ 2 ประตูขึ้นไปอีก เกมที่แพ้บาร์เซโลน่า พกวเข้าแพ้ 3-0 ประตู แพ้เอเวอร์ตัน 4-0 ประตู และล่าสุดก็แพ้ซิตี้ในศึกดาบี้แมตช์ 2-0 ประตู พวกเขายังคงงัดฟอร์มเด็ดกลับมาไม่ได้อยู่ดี เมื่อเสียงนกหวีดเริ่มการแข่งขันดังขึ้น ช่วงต้นเกมทั้งสองทีมดูสู้กันอย่างสูสีในแดนกลางของสนาม แต่เมื่อเวลาผ่านไปถึงนาทีที่ 11 เจ้าบ้านอย่างปีศาจแดงได้โอกาสก่อน เมื่อปอล ป็อกบา ได้บอลจากริมเส้นทางซ้ายมือ เขากดลูกนั้นยิงเข้ากรอบอย่างเต็มแรงในระยะที่ค่อนข้างไกล แต่ก็ไม่เป็นประตูเนื่องจากยิงเข้าซอง เอแดร์ซอนพอดี ถัดมาอีกเพียงแค่ 4 นาทีเจ้าบ้านก็ต้องพบกับความหวาดเสียวเป็นครั้งแรกในทันทีที่ สเตอร์ลิงได้บอลเลี้ยงตัดเข้ากลางยิงบอลแฉลบไปโดน สมอลลิง ทำให้บอลเปลี่ยนทางเกือบเข้าประตู
https://e2.365dm.com/19/04/768×432/skysports-ole-gunnar-solskjaer_4648321.jpg?20190423171759
แต่โชคช่วยที่เด เคอายังพุ่งมารับไว้ได้ทัน ครั้งถัดมาเป็นโอกาสของทั้งสองทีมในเวลาเดียวกัน ในนาทีที่ 19 แบร์นาร์โด ซิลวา ยิงด้วยเท้าซ้ายจากนอกกรอบ บอลพุ่งแรงจนบังคับให้เด เคอาต้องทุบออกไป ถัดมาที่เจสซี่ ลินการ์ด วิ่งพาบอลขึ้นมา จ่ายให้แรชฟอร์ดหลุดเข้าไปในแดงหลังของซิตี้ ในขณะที่แรชฟอร์ดกำลังแตะบอลหลบเอแดร์ซอน แต่ผู้รักษาประตูอย่างเอแดร์ซอนเลือกออกมาบล็อกบอลเท้าได้อย่างฉิวเฉียด ในช่วงท้ายของครึ่งหลัง ผู้มาเยือนเกือบได้ประตูขึ้นนำแล้ว แต่ก็โชคไม่ดีที่ อเกวโร่ ทำบอลพุ่งหลุดเสาไปเสียเองในนาทีที่ 45 จบครึ่งไปด้วยผล 0-0 ประตู แตะแบบฟุตบอลโลก คลิกอ่านต่อที่นี่ ฟุตบอล ของโลกจะบอลถ้วยหรือบอลลีกก็มาเถอะ
ครึ่งแรกดูเหมือนว่าทั้งสองทีมจะเล่นกันเกือบสูสี ถึงแม้ว่าผลที่ออกมาจะทำให้ดูเหมือนเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าเรามาดูเรื่องสถิติกันทั้งการยิง การจ่ายบอลและการครองบอล ซิตี้ดูเหนือกว่ามากอย่างเห็นได้ชัดเจน ซิตี้มีโอกาส 3-4 ครั้งในการทำประตูซึ่งทุกครั้งก็ทำได้ดีและใกล้เคียงการเป็นประตูมากกว่ายูไนเต็ด เพียงแต่ยังจบสกอร์ไม่ได้เท่านั้น
เสียงนกหวีดเริ่มครึ่งหลังผ่านไปแค่ 3 นาทีเจ้าบ้านก็มีลุ้นอีกครั้งหลังจากที่ แรชฟอร์ดจ่ายบอลผ่านเข้ากลางไปถึง ปอลป็อกบา ซัดเข้ากลางประตูแต่บอลกลับพุ่งไปติดบล็อกของแฟร์นานดินโญ่เสียก่อน หลังจากสงบได้ไม่นานนักนาทีที่ 54 ทีมเยือนบุกขึ้นมาจนสามารถทำประตูตีไข่แตกขึ้นนำเจ้าบ้านอย่างปีศาจแดงไปได้ก่อนเป็น 1-0 ประตูจากการที่กุนโดกัน ผ่านบอลมาให้กับ แบร์นาร์โด้ ซิลวา และเขาเลี้ยงตัดบอลผ่านกองหลังของยูไนเต็ดกดด้วยซ้ายอย่างรวดเร็ว บอลพุ่งผ่าน ลุค ชอว์เช็ดเสาแรกเข้าไปอย่างสวยงาม นาทีที่ 57 ในที่สุดยูไนเต็ดก็มีโอกาสลุ้นทำประตูตามเสมอได้
แต่ลินการ์ดก็ดับฝันนั้นลงอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ แรชฟอร์ดยกบอลมาหน้าประตูโดยมีเจสซี่ ลินการ์ดที่เก็บบอลไปได้ เหลือเพียงแค่การดวล 1-1 กับผู้รักษาประตูแต่เขาก็ยิงหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย พลาดโอกาสไม่พอกับปีศาจแดงยังพลาดท่าเสียประตูเพิ่มให้กับทีมเยือนในนาทีที่ 66 จากการที่ สเตอร์ลิงได้บอลจากแดนขวาเลี้ยงตัดเข้าแดนกลาง ไหลบอลผ่านให้กับ ซาเน่อย่างสวยงาม ซาเน่กดด้วยเท้าซ้ายไปทางฝั่งเสาแรกสุดแรง บอลพุ่งติดขาเด เคอาตุงตาข่าย ส่งให้ซิตี้ขึ้น 2-0 ประตู โอกาสครั้งหลังของเจ้าบ้านเมื่อเปลี่ยนตัว ลูกากูลงแทน เปเรย์ร่า ก็ยังคงได้โอกาสยิงอยู่ แต่ไม่เข้ากรอบ สุดท้ายพวกเขาไม่สามารถทำประตูตูไข่แตกได้อีกเช่นเคย เปิดบ้านแพ้ให้กับซิตี้ 2-0 ประตู มอบ 3 แต้มให้แก่เพื่อนบ้านเพื่อไปทวงอันดับ 1 ของลีกได้สำเร็จ